ผู้จัดทำและดูเเล


นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต คณะวิทยาการจัดการ หลักสูตรบริหารธุรกิจ

สาขาวิชาการเงิน [1/2554]

ร ายวิชา การจัดการธนาคารพาณิชย์ A1 (3635102)


นางสาวอรมรินทร์ วันศรี (ซฺิ้ม)

นายธิติพงษ์ มหาเมฆ (หลุย)

นายอิทธิพัทธ์ ไทรชมภู (นิค)

นายอภิชาติ เเก้วสุนีย์ (ปิง)

นายจักรพงษ์ ปิ่นเเก้ว (อุ้ม)

นายวัชรพล เอื้อสุขไพศาลกุล (บุ้ง)

นางสาวนันทนัช เล้าศศิวัฒนพงษ์ (มุก)

นางสาวกนกวรรณ ชะเอม (เฟิร์น)





รายละเอียดเพิ่มเติม : http://soclever1.blogspot.com/

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

ไทยพาณิชย์ ส่งมอบน้ำใจช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยผู้ประสบอุทกภัย

วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554 



ธนาคารไทยพาณิชย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย  โดยจัดมอบเรือไฟเบอร์ เสื้อชูชีพ และถุงยังชีพ ตลอดจนการซ่อมแซม และสร้างบ้านให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน  นำร่องจังหวัดอยุธยาซึ่งได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักอยู่ในขณะนี้เป็นจังหวัดแรก  โดยมีดร.วิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เป็นผู้แทนรับมอบจาก องค์อร อาภากร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์  ทั้งนี้ธนาคารจะทยอยให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน และความช่วยเหลือระยะยาว ไปยังพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน รวม 11 จังหวัด ได้แก่ อยุธยา , พิจิตร , นครสวรรค์ , พิษณุโลก , สิงห์บุรี เป็นต้น โดยน้ำใจนี้มาจากพี่น้องคนไทยที่ร่วมกันบริจาคผ่าน บัญชี "มูลนิธิสยามกัมมาจล -ไทยพาณิชย์เพื่อผู้ประสบภัย"  และธนาคารได้ร่วมสมทบทุนอีกส่วนหนึ่ง                  

        

110920-donate1.jpg
พระนครศรีอยุธยา




ธนาคารยังคงเปิดรับบริจาคเข้ามูลนิธิสยามกัมมาจล เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านบัญชี  "มูลนิธิสยามกัมมาจล-ไทยพาณิชย์เพื่อผู้ประสบภัย" เลขที่ 111-3-90911-5 ผ่านช่องทางครอบคลุมทั่วประเทศ ได้แก่  สาขากว่า 1,000 สาขา  ATM กว่า 8,000 เครื่อง  และบริการอิเล็กทรอนิกส์ SCB Easy Net  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์ โทร.  0 2777 7777   

                                                                  
ผู้บริจาคเงินสามารถส่งสำเนาการโอนเงิน พร้อมแจ้งชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์และส่งโทรสาร มาที่ 02-544-1040 หรือ อีเมล scbcharityhub@scb.co.th เพื่อธนาคารจะจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้กับผู้บริจาคเงิน สำหรับนำไปใช้ในสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่อไป


วิเคราะห์ข่าว
การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ของธนาคารไทยพาณิชย์  ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างหนึ่ง  ที่ธนาคารได้เห็นถึงความเดือนร้องของชาวจังหวัดอยุธยาและจังหวัดอื่นๆ  ซึงเปิดรับบริจาคเข้ามูลนธิสยามกัมมาจล  โดยแสดงให้เห็นว่าธนาคารมีความกระตือรือร้นที่จะให้ความช่วยเหลือจังหวัดที่รับความเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมทั้ง  11  จังหวัด  และธนาคารก็จะให้ความช่วยเหลือต่อไปเรื่อยๆ

ที่มา : มติชนออนไลน์
Link : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1316507516&grpid=&catid=10&subcatid=

SCBปรับลุคส์ถ่ายรูปผ่านบีบีประเมินรถ

 วันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2554



SCB ปรับลุคส์ถ่ายรูปผ่านบีบีประเมินรถ
นายณรงค์ ศรีจักรินทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาเติบโตได้ดี เพิ่มขึ้นถึง 50% อยู่ที่ 75,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 53 อยู่ที่ 50,000 ล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอดสินเชื่อคงค้างในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารจะอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท โดยจะเป็นยอดสินเชื่อคงค้างในส่วนของรถใหม่ 95,000 ล้านบาท รถเก่า 15,000 ล้านบาท และสินเชื่อรถยนต์ My Car My Cash อีก 10,000 ล้านบาท

โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อรถยนต์ My Car My Cash ที่จะมีการเติบโตขึ้นอีกมาก เนื่องจากทางธนาคารได้เปลี่ยนวิธีการในการประเมินราคารถยนต์เพื่อให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จากเมื่อก่อนที่ต้องใช้พนักงานประเมินราคารถของธนาคารจำนวน 30 ราย เดินทางไปตรวจสอบและประเมินราคารถยนต์ตามสาขาต่างๆ ซึ่งจะต้องใช้เวลามาก และทำการประเมินราคารถต่อเดือนได้เพียง 200-300 ราย ทำให้ธนาคารเปลี่ยนมาใช้วิธีการถ่ายรูปผ่านเครื่องบีบี ซึ่งจะมีประจำอยู่ทุกสาขาของธนาคาร สาขาละจำนวน 1,000 เครื่อง โดยจะให้พนักงานแต่ละสาขาถ่ายภาพให้พนักงานประเมินรถยนต์ที่ประจำอยู่สาขาใหญ่จำนวน 16 จุด แล้วพนักงานประเมินราคารถจะตรวจสอบภาพและทำการตีราคารถได้เลย ทำให้ธนาคารสามารถประเมินราคารถได้เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 4,000 คัน โดยใช้พนักงานประเมินราคารถเพียง 5 คนเท่านั้น ซึ่งกลยุทธ์ใหม่นี้ได้เริ่มดำเนินการไปเมื่อ มิ.ย.ที่ผ่านมา และในอนาคตอาจจะมีการถ่ายภาพที่เป็นเอกสารของลูกค้า ซึ่งจะสามารถทำการอนุมัติเงินให้ลูกค้าได้ในทันทีก็เป็นได้

สำหรับในปีหน้าทางธนาคารจะมีการปรับพอร์ตสินเชื่อให้เป็นรถใหม่ประมาณ 60% และที่เหลืออีก 40% จะเป็นในส่วนของสินเชื่อรถยนต์ My Car My Cash และรถเก่า จากปัจจุบันสัดส่วนรถใหม่อยู่ที่ 90% และอีก 10% เป็นในส่วนของรถเก่าและสินเชื่อรถยนต์ My Car My Cash เนื่องจากตลาดรถใหม่มีคู่แข่งเยอะมาก และตลาดสินเชื่อรถยนต์ My Car My Cash ก็เป็นตลาดเดียวกับตลาดสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งถ้าลูกค้าของธนาคารมาขอสินเชื่อส่วนบุคคลและมีรถมาค้ำประกันโดยที่รถไม่ติดภาระที่ไหน ก็จะได้รับดอกเบี้ยแฟลทเรตที่ถูกมากเพียงแค่ 3% เท่านั้น รวมถึงตลาดของรถเก่าที่มีอายุ 12 ปี ที่จะได้ดอกเบี้ยเยอะกว่ารถใหม่มาก และถึงแม้ในปีนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารจะเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารก็ต่ำมากเช่นกันอยู่ที่ 0.9% ซึ่งธนาคารตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีจะต้องไม่เกิน 1.1%

ทั้งนี้ทางธนาคารตั้งเป้าที่จะต้องเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ให้ได้ โดยจะมีพอร์ตสินเชื่อประมาณ 300,000 ล้านบาท ภายใน 4 ปีข้างหน้า ซึ่งในปีหน้าธนาคารจะเริ่มไปรุกในธุรกิจเทรดไฟแนนซ์ให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับโชว์รูมรถยนต์ หรือผู้ประกอบการรถให้เช่า โดยวงเงินที่จะปล่อยสินเชื่อจะอยู่ประมาณ 100-1,000 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารมีอยู่แล้ว เช่น ธุรกิจปูนซีเมนต์ ธนาคารอาจจะมีการเข้าไปปล่อยสินเชื่อในส่วนของรถขนปูน เป็นต้น รวมถึงการปล่อยกู้ให้กับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ด้วย เพราะธนาคารต้องการทำธุรกิจให้ครบวงจร ส่วนในกลุ่มรถสาธารณะทางธนาคารก็สนใจเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะเข้าไปในส่วนของรถตู้ รถแท็กซี่ เป็นต้น ซึ่งทางสาขาบางแห่งก็เรียกร้องในการขอปล่อยกู้ให้กับกลุ่มรถตู้อยู่เช่นกัน เพราะสาขาธนาคารจะรู้จักกับกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้เป็นอย่างดี





ที่มา :  บ้านเมืองออนไลน์
Link : http://www.banmuang.co.th/economic.asp?id=248195

ไทยพาณิชย์คว้า 3 รางวัลยอดเยี่ยมจาก Alpha South East Asia

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554





ธนาคารไทยพาณิชย์ โดย นางพรรณแข นันทวิสัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สาย GTS และ นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ผู้จัดการธนบดีธนกิจ รับรางวัลยอดเยี่ยมทางการเงินประจำปี 2554 จาก Alpha South East Asia นิตยสารการเงินชั้นนำแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ธนาคารยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย (ปีที่ 4) ธนาคารยอดเยี่ยมด้านบริการบริหารเงินเพื่อธุรกิจ (ปีที่ 2) และ รางวัลธนาคารยอดเยี่ยมด้านบริการธนบดีธนกิจ 2554 (ปีที่ 2) จากการพิจารณาผลประกอบการ ข้อมูลสำคัญทางการเงิน วิสัยทัศน์ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ส่วนแบ่งตลาด รวมทั้งคำยืนยันจากลูกค้า


วิเคราะห์ข่าว
จากการที่ธนาคารได้รับรางวัลทั้ง  3  รางวัล ดังกล่าว  แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจของผู้บริหาร  ไม่ว่าจะเป็นด้านวิสัยทัศน์  หรือกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ  โดยได้รับคำยืนยันจากกลุ่มของลูกค้า  ซึ่งรางวัลที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับนี้น่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้บริหาร  รวมถึงพนักงานมีกำลังใจที่จะทำงานให้ส่วนของตนเองให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  โดยจะพิจารณได้จากรางวัลต่อๆไป


ที่มา : มติชน ออนไลน์
Link : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1316179866&grpid=&catid=10&subcatid=

SCBหวั่นเศรษฐกิจโลกฉุดสินเชื่อ

17 กันยายน 2554


ไทยพาณิชย์เผยสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีของธนาคารช่วง 8 เดือน เติบโต 23% หวั่นเศรษฐกิจโลกกระตุกสินเชื่อชะงัก ระบุขึ้นค่าแรงกระทบต้นทุนเอสเอ็มอีจิ๊บจ๊อย
 นายไตรรงค์ บุตรากาศ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีของธนาคารในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเติบโต 23% สูงกว่าทั้งระบบที่เติบโต 11-12% และทั้งปีจะโต 30% จากที่ระบบเติบโต 20-25% ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาขยายตัวสูง และการเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
 ขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐมีทั้งด้านบวกและด้านลบ ซึ่งเห็นว่าการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลจะส่งผลดีต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างเติบโตเพิ่มขึ้น แต่ที่เป็นห่วงคือภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน อัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและสินเชื่อได้ ซึ่งคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25-0.5% เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา
 “การที่รัฐบาลมีนโยบายขึ้นค่าแรงอีก 300 บาทจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจว่าจะสามารถผลักภาระให้กับผู้บริโภคได้หรือไม่ ถ้าปรับขึ้นราคาสินค้าไม่ได้ผู้ประกอบการจะต้องรับภาระขาดทุน แต่เชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรง เพราะค่าแรงเพิ่มขึ้น 1% จะส่งผลต่อต้นทุนผลิตสินเค้า 0.1% ส่วนแนวโน้มธุรกิจเอสเอ็มอียังเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ หรือจีดีพีปีนี้อยู่ที่ 4-4.5% ดังนั้นเชื่อว่ายอดสินเชื่อสิ้นปีเป็นไปตามเป้าแน่นอน” นายไตรรงค์ระบุ.



วิเคราะห์ข่าว
ถ้าหากว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยมีการปรับตัวขึ้นในด้านการส่งออก และทางด้านการเมืองของประเทศที่มีเสถียรภาพ ก็จะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อถือมากขึ้นและจะส่งผลให้ธุรกิจเอ็สเอ็มอีของธนาคารไทยพาณิชย์เติบโตขึ้นด้วย  ถึงแม้ว่าจะขึ้นอยู่กับการปรับอัตราดอกเบี้ย  และเงินเฟ้อ  ที่ปลี่ยนไปตามภาวะเศรษฐกิจ  แต่ธนาคารไทยพาณิชย์ก็เชื่อว่ายอดสินเชื่อจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ที่มา : ไทยโพสต์
Link : http://www.thaipost.net/news/170911/45118

SCB ผ่อนปรนเงื่อนไขสินเชื่อ-พักชำระหนี้ ช่วยเหลือลูกค้าน้ำท่วม



ธนาคาร​ไทยพาณิชย์ผ่อนปรน​สิน​เชื่อและพักชำระหนี้ลูกค้าที่ประสบภัยน้ำท่วม
ธนาคาร​ไทยพาณิชย์ผ่อนปรน​สิน​เชื่อ
ธนาคาร ไทยพาณิชย์ผ่อนปรน สิน เชื่อ

ถือเป็นข่าวดีอีกข่าวนึงครับ(ถึงมันจะอยู่ในข่าวร้ายที่มีพี่น้องชาวไทยประสบภัยน้ำท่วมเป็นจำนวนมาก) เพราะทางธนาคาร​ไทยพาณิชย์ออกมาตร​การพักชำระหนี้สำหรับลูกค้าที่​ได้รับผลกระทบ จากปัญหาน้ำท่วมในช่วงนี้ โดยมีมาตรการช่วยเหลือทั้งลูกค้าแบบบุคคล ลูกค้า​เอส​เอ็มอี ​และลูกค้าขนาด​ใหญ่ ​
โดยมีมาตรการช่วยเหลือหลายรูปแบบดังนี้(ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของธนาคารว่าจะช่วยแบบไหนเป็นระยะเวลาเท่าไหร่)
  • 1.การพักชำระ​เงินต้น​และดอก​เบี้ย​
  • 2.วง​เงินกู้พิ​เศษ​เพื่อ​การซ่อม​แซมบ้าน
  • 3.ยืดระยะ​เวลา​การผ่อนชำระ​ให้นานสูงสุด
  • 4.ลดดอก​เบี้ยปกติ​ได้​ไม่​เกิน 1% นานสูงสุด
  • 5.ให้วง​เงิน​เบิก​เกินบัญชี (O/D) ​หรือวง​เงินสิน​เชื่อหมุน​เวียนประ​เภทอื่นๆ
โดยลูกค้าสินเชื่อของธนาคารไทยพาณิชย์ที่​ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อขอรับ​ความช่วย​เหลือ​ได้ตั้ง​แต่บัดนี้​เป็นต้น​ไป

วิเคราะห์ข่าว
ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ออกมาตรการพักชำระหนี้สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ก็้ป็นเพราะว่าได้เล่งเห็นถึงความเดือดร้อนของผู้ที่ประสบภัยในครั้งนี้  เพื่อให้ผู้ประสบได้มีกำลังใจบ้าง และการช่วยเหลือในครั้งนี้ก็น่าจะเป็นที่พอใจของผู้ประสบภัยเป็นอย่างมาก
  • ทีมา : ข่าว​เศรษฐกิจ สำนักข่าวอิน​โฟ​เควสท์ (IQ) — พฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2554 17:27:49 น.
  • ลิงค์ : http://www.ryt9.com/s/iq03/1237325

SCB แต่งตั้ง 7 ผู้บริหารระดับสูง เสริมศักยภาพการบริหารงาน

วันพุธที่ 14 กันยายน 2011






ธนาคารไทยพาณิชย์ แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงรวม 7 ตำแหน่งครอบคลุมทั้งกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ บริหารความเสี่ยงสินเชื่อ และทรัพยากรบุคคล โดย กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ประกอบด้วย
นายวศิน ไสยวรรณ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Financial Market ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ นางภิมลภา สันติโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจตลาดทุน นายศิโรตม์ วิชยาภัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจขนาดใหญ่ 2 นางสาววรดา ตั้งสืบกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Investment Banking Coverage 2 บริหารความเสี่ยงสินเชื่อ ได้แก่ นายกิรดิศ อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริหารความเสี่ยงสินเชื่อ และ กลุ่มทรัพยากรบุคคล ได้แก่ นายวรวัจน์ สุวคนธ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์และนโยบาย ทั้งนี้เพื่อเสริมศักยภาพการบริหารงานของธนาคาร โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
วิเคราะห์ข่าว
การแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงทั้ง  7  ตำแหน่งนี้  เป็นการเสริมสร้างศักยภาพในการบริหารงานของธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  และมีกลยุทธ์ในการบริหารงานในด้านต่างๆ    ซึ่งจะเป็นที่น่าสนใจของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
ที่มา  : ฐานเศรษฐกิจ
Link : http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=83705:qq-7-&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524

ธนาคารไทยพาณิชย์เชิญชวนรวมน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั่วประเทศ

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554



ธนาคารไทยพาณิชย์ขอเชิญชวนบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ผ่านบัญชีเดินสะพัด ชื่อบัญชี “มูลนิธิสยามกัมมาจล – ไทยพาณิชย์เพื่อผู้ประสบภัย” เลขที่บัญชี 111-3-90911-5 สาขารัชโยธิน ไม่คิดค่าธรรมเนียมการโอนเงินข้ามเขต โดยสามารถบริจาคผ่านสาขากว่า 1,000 สาขาและเครื่อง ATM ของธนาคารที่มีกว่า 8,000 เครื่องทั่วประเทศ รวมถึงผ่านบริการอิเล็กทรอนิกส์ SCB Easy Net               

ผู้บริจาคเงินสามารถส่งสำเนาการโอนเงิน พร้อมแจ้งชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และส่งโทรสาร มาที่ 02-544-1040 หรือ อีเมล scbcharityhub@scb.co.th  เพื่อธนาคารจะจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้กับผู้บริจาคเงิน สำหรับนำไปใช้ในสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์ 02-777-7777

  วิเคราะห์ข่าว
  ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้เปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเข้ามูลนิธิสยามกัมมาจล
  ก็เพราะเล่งเห็นถึงความเดือดร้อนที่ผู้ประสบภัยได้รับ  และต้องการที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่  ซึ่่งการช่วยเหลือในครั้งนี้ถือว่าเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม  และจะทำให้ผู้ประสบภัยมีความซาบซึ้งเป็นอย่างมากที่ธนาคารยื่นความช่วยเหลือมาให้


ที่มา ;  มติชนออนไลน์
Link : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1315886666&grpid=03&catid=03

SCB รุกปรับเป้าปั๊มรายได้

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2554


นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 เติบโตได้ดี ทำให้ธนาคารต้องมีการปรับเป้าไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเป้าสินเชื่อ ซึ่งเป้าเดิมที่ธนาคารตั้งไว้ในช่วงสิ้นปี 54 จะเติบโตเพิ่มขึ้น 10-12% แต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปีนี้สินเชื่อกลับเติบโตไปแล้วถึง 21.1% ทำให้ธนาคารต้องมีการปรับเป้าสินเชื่อสิ้นปี 54 ใหม่ให้เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 15-18% และในส่วนของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น จากเป้าเดิมสิ้นปี 54 ทางธนาคารตั้งไว้ที่ 2.9% แต่ในครึ่งปีนี้ตัวเลขสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 2.69% ส่งผลให้ต้องมีการปรับเป้าใหม่เป็น 2.5% ในช่วงสิ้นปี 54

นอกจากนี้รายได้ที่มาจากค่าธรรมเนียมก็มีการปรับขึ้นเช่นกันจากเป้าเดิมสิ้นปี 54 ตั้งไว้ที่ 15% ขึ้นไป แต่ผ่านไปเพียงครึ่งปีแรกรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตไปแล้วถึง 34.2% ทำให้ต้องมีการปรับใหม่เป็นเติบโตเพิ่มขึ้น 25% ขึ้นไป และในส่วนที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือในส่วนของต้นทุนต่อรายได้ ที่ธนาคารตั้งเป้าในปี 54 ไว้ว่าจะให้อยู่ที่ประมาณ 45% แต่ในครึ่งปีแรกปีนี้ทางธนาคารทำให้ต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ 37% จึงมีการปรับเป้าในส่วนของต้นทุนต่อรายได้ในสิ้นปี 54 ให้ลดลงเหลือเพียง 43-44%

อีกทั้งในเรื่องของเงินกองทุนก็อยู่ในระดับที่สูงเช่นกัน อาทิ เงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของเงินกองทุนของธนาคารที่ต้องตอบรับการกฎเกณฑ์ของบาเซิล 3 ที่จะต้องให้แต่ละธุรกิจมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ตั้งแต่ 8-10% แต่ ณ ปัจจุบันเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารอยู่ที่ 10.5-10.7% และในเรื่องสาขาของธนาคารที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีการเปิดให้ครบ 1,050 สาขาในสิ้นปีนี้ ครึ่งปีแรกธนาคารก็เปิดไปแล้วถึง 1,019 สาขา รวมถึงเครื่องเอทีเอ็มที่จะมีการติดตั้งให้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 9,250 เครื่องขึ้นไป ในครึ่งปีแรกทางธนาคารเปิดเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 8,169 เครื่องแล้ว

สำหรับในปีต่อๆ ไปจากนี้โครงสร้างลูกค้ารายย่อยของธนาคารอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ จากเดิมที่เน้นในเรื่องการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ซึ่งจะทำให้คู่แข่งเลียนแบบได้โดยง่าย ทำให้ธนาคารต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นการคิดถึงความต้องการลูกค้าเป็นที่ตั้ง โดยจะต้องมีการเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเทรนด์พนักงานในทุกสาขาให้มีความเข้าใจถึงตัวลูกค้า ว่าลูกค้าที่ประวัติแบบนี้ ต้องการผลิตภัณฑ์แบบไหน และอาจจะมีการจัดลำดับความเสี่ยงของตัวลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าที่เป็นลูกค้าที่ดีได้รับดอกเบี้ยที่สมเหตุสมผล

ทั้งนี้ การลงทุนในระบบอินเตอร์เน็ตให้มีการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าให้รวดเร็วที่สุด ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยเช่นกัน ซึ่งในแต่ละปีทางธนาคารได้ใช้งบลงทุนในการพัฒนาด้านอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนหลายพันล้านบาท รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เสนอให้กับลูกค้าก็จะต้องสามารถครอบคลุมถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งนี้การที่ธนาคารต้องหันมาปรับเปลี่ยนโครงสร้างลูกค้ารายย่อยเนื่องจากฐานลูกค้ารายย่อยเป็นฐานลูกค้าที่มีจำนวนมาก และการแข่งขันในปัจจุบันก็อยู่ในระดับที่สูง เนื่องจากมีธนาคารของภาครัฐเข้ามาแข่งขันในตลาดลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ซึ่งการพัฒนาในรูปแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปีขึ้นไปถึงจะเห็นผล และขณะนี้ธนาคารก็เตรียมที่จะเริ่มดำเนินการปรับแผนโครงสร้างลูกค้ารายย่อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายธุรกิจในอีก 3 ปีข้างหน้าธนาคารจะมีการปรับแผนธุรกิจเชิงรุกทั้ง 3 ธุรกิจสำคัญของธนาคาร โดยในส่วนของธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารจะมีการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดในเรื่องของค่าธรรมเนียมลูกค้ารายใหญ่ให้มากขึ้น ธุรกิจเอสเอ็มอีก็มีการตั้งเป้าที่จะขึ้นไปอยู่อันดับที่ 3 ซึ่งจะทำให้สินเชื่อในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีทางธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 แสนล้านบาท และในกลุ่มลูกค้าบุคคล ธนาคารจะพยายามรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในส่วนของสินเชื่อที่อยู่อาศัย บัตรเครดิต และประกันเงินออมไว้ และจะมีการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยจะเน้นในเรื่องของจุดแข็งที่ธนาคารมีสาขาเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าภายใน 3 ปี จะเป็นอันดับ 1 ในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และล่าสุดธนาคารได้ถูกเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินโดยบริษัทจัดลำดับความแข็งแกร่งทางการเงิน มูดี้ส์ จากเดิมที่อยู่ในระดับ D+ มาเป็นระดับ C- เช่นเดียวกับธนาคารกรุงเทพซึ่งเกณฑ์ในการตัดสินก็คือ ฐานะทางการเงินและกองทุน การรักษาศักยภาพในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายย่อย การผ่านพ้นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงต่างๆ เป็นต้น



ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
Link : http://www.banmuang.co.th/economic.asp?id=247554

'ใบโพธิ์'ตัดขายหนี้เน่า5.3พันล.รุกวาณิชธนกิจ

8 กันยายน 2554


นายสุเมธ มณีวัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เปิดเผยว่า บสก.ร่วมลงนามกับธนาคารไทยพาณิชย์ ในสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) มูลหนี้รวม 5,298 ล้านบาท จากจำนวนลูกหนี้ 981 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็น 64% และเป็นลูกหนี้ที่อยู่ในเขตต่างจังหวัด 36%
 ปัจจุบัน บสก. มี NPL ในความดูแลทั้งสิ้น 44,286 ราย คิดเป็นมูลค่า 234,723 ล้านบาท ขณะที่มี NPA จำนวน 14,173 ราย คิดเป็นมูลค่า 35,971 ล้านบาท
 นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารปรับรูปแบบการบริการทางการเงินใหม่แก่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ โดยธนาคารจะเข้าไปให้บริการวาณิชธนกิจมากขึ้น ซึ่งจะเริ่มให้บริการการเงินในทุกรูปแบบแก่บริษัททั้งองค์กร เช่นเดียวกับที่ให้สินเชื่อกลุ่มทรู เพื่อหันมาเน้นการทำรายได้จากค่าธรรมเนียมจากลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น
 โดยแผนนี้จะเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม (ฟี) มากขึ้น และลดสัดส่วนรายได้จากการปล่อยสินเชื่อลง จากเดิมที่รายได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 70% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 55% และค่าฟีจากเดิม 30% และขณะนี้เพิ่มเป็น 45% เพราะต้องการให้เหมือนกับประเทศพัฒนาแล้วและรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คาดว่าการให้บริการดังกล่าวจะสร้างรายได้ค่าฟีให้กับธนาคารเพิ่มขึ้นปีละ 3,000 ล้านบาท.



วิเคราะห์ข่าว
ธนาคารไทยพาณิชย์ได้เพิ่มรูปแบบการให้บริการทางการเงินใหม่ขึ้น  โดยเน้นในเรื่องของการบริการวาณิชธนกิจที่ครบคลุมบริการทางการเงินทุกรูปแบบ  ทั้งนี้ก็จะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มของลูกค้ามากขึ้น  ถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ของธนาคารที่จะทำให้ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการใช้บริการของลูกค้า  เป็นการเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมนั่นเอง


ที่มา  : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงไทย ร่วมลงนามสัญญาสนับสนุนเงินทุน 48,940 ล้านบาท

7 กันยายน 2554 



       กรุงเทพฯ 6 กันยายน 2554 : กลุ่มทรู ลงนามสัญญาสินเชื่อร่วมกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้เงินกู้หลัก ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เป็นผู้ให้เงินกู้ร่วมจำนวนวงเงินรวมทั้งสิ้น 48,940 ล้านบาท โดยเงินจำนวนดังกล่าวจะนำไปใช้ลงทุนในการขยายธุรกิจสื่อสารไร้สายกลุ่มทรู และชำระคืนหนี้สินเดิมบางส่วน รวมทั้งใช้เป็นเงินลงทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มทรู
     
       นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มทรูให้ความไว้วางใจธนาคารอย่างต่อเนื่อง ธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนกลุ่มทรูตามยุทธศาสตร์ระยะยาวของกลุ่มในการเป็นผู้นำด้าน Convergence การสนับสนุนธุรกรรมในครั้งนี้ถือเป็นการให้บริการแบบครบวงจร โดยธนาคารเริ่มจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของกลุ่มธุรกิจไร้สาย (wireless) ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาจัดโครงสร้างทางธุรกิจและทางการเงินที่เหมาะสมเพี่อช่วยให้กลุ่มทรูสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงเป็น Lead Arranger ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย ในการจัดหาแหล่งเงินทุนในระยะยาวเพื่อสนับสนุนการลงทุนเพื่อการให้บริการด้าน 3G ซึ่งการลงทุนสนับสนุนด้านการเงินจำนวน 48,940 ล้านบาทแก่กลุ่มทรูในครั้งนี้ จะเสริมศักยภาพให้กลุ่มทรูสามารถเดินหน้าให้บริการ 3G ระบบ HSPA อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วประเทศ เป็นการยกระดับพัฒนาไปสู่บรอดแบนด์ไร้สายอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค และเป็นประโยชน์แก่กลุ่มทรูซึ่งเน้นยุทธศาสตร์ด้าน convergence มาโดยตลอด พร้อมกันนี้ธนาคารขอขอบคุณธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยที่เป็นพันธมิตรในการให้เงินกู้ร่วมกับธนาคารในครั้งนี้
     
       นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารเดินหน้าให้การสนับสนุนสินเชื่อกับทุกภาคส่วน และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การสนับสนุนวงเงินสินเชื่อแก่กลุ่มทรู ซึ่งมียุทธศาสตร์ระยะยาวที่ชัดเจนในการเป็นผู้นำด้าน Convergence การลงทุนในครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพธุรกิจสื่อสารไร้สายและบริการ 3G ในประเทศไทยให้ก้าวหน้าครอบคลุมเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถสนองตอบความต้องการของประชาชน ผู้บริโภคในการสื่อสาร และเข้าถึงแหล่งความรู้ ข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ไร้พรมแดน และเกิดประโยชน์สูงสุด
     
       นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มทรู บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรู ขอขอบคุณกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รวมทั้งผู้ให้เงินกู้ร่วมคือธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ที่ให้ความวางใจสนับสนุนทางการเงินกับกลุ่มทรู รวมทั้งเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทเอกชนไทย ตลอดจนพร้อมร่วมผลักดันธุรกิจโทรคมนาคมไทยให้ก้าวทันโลก โดยมีมูลค่าเงินสนับสนุนครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 48,940 ล้านบาท เป็นสินเชื่อระยะยาวอายุไม่เกิน 10 ปี และเป็นสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบางส่วนจะนำไปชำระคืนหนี้สินเดิม ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นโอกาสสำคัญในการขยายการลงทุนธุรกิจสื่อสารไร้สายของกลุ่ม เพิ่มศักยภาพโครงข่ายและขีดความสามารถการเข้าถึงให้ครอบคลุมเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สร้างประโยชน์สูงสุดให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงความรู้ข้อมูล ข่าวสาร ได้ทัดเทียมกัน

วิเคราะห์ข่าว


เป็นที่น่าตกใจของธนาคาร 2 ธนาคารนี้ คือธนาคารไทยพาณิชย์จับมือกรุงไทย ปล่อยกู้ 48,940 ลบ. ให้กลุ่มทรูลุยธุรกิจ 3G ผ่อนยาว 10 ปี เป็นสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบางส่วนจะนำไปชำระคืนหนี้สินเดิม เพื่อใช้ลงทุนในการขยายธุรกิจสื่อสารไร้สาย 3G และชำระคืนหนี้สินเดิมบางส่วน รวมทั้งใช้เป็นเงินลงทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ถือว่าเป็นการดีที่ 2 ธนาคารนี้ได้ปล่อยกู้
โดยธนาคารเล็งเห็นว่าในปัจจุบันนี้ 3G เป็นที่ต้องการของคนไทยในปัจจุบัน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะเป็นประโยชน์แก่คนรุ่นหลังอีกต่อไปด้วย


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
Link : http://www.manager.co.th/Business/Viewnews.aspx?NewsID=9540000113430

4แบงก์จับมือปล่อยกู้ทรู5หมื่นล. ศุภชัยเล็งล้างหนี้-ลงทุนโครงข่าย3จี

7 กันยายน 2554


ไทยพาณิชย์จับมือกรุงไทย ปล่อยกู้ 48,940 ลบ. ให้กลุ่มทรูลุยธุรกิจ 3G ผ่อนยาว 10 ปี เป็นสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบางส่วนจะนำไปชำระคืนหนี้สินเดิม 
 นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ธนาคารร่วมกับธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารยูโอบี และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์ สนับสนุนเงินกู้ทั้งสิ้น 48,940 ล้านบาท แก่กลุ่มบมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เพื่อใช้ลงทุนในการขยายธุรกิจสื่อสารไร้สาย 3G และชำระคืนหนี้สินเดิมบางส่วน รวมทั้งใช้เป็นเงินลงทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง
 "ธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนกลุ่มทรูตามยุทธศาสตร์ระยะยาวของกลุ่มในการเป็นผู้นำด้าน Convergence การสนับสนุนธุรกรรมในครั้งนี้ถือเป็นการให้บริการแบบครบวงจร โดยธนาคารเริ่มจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของกลุ่มธุรกิจไร้สาย (wireless) ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาจัดโครงสร้างทางธุรกิจและทางการเงินที่เหมาะสม เพี่อช่วยให้กลุ่มทรูสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงเป็น Lead Arranger ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย ในการจัดหาแหล่งเงินทุนในระยะยาวเพื่อสนับสนุนการลงทุนเพื่อการให้บริการด้าน 3G" นางกรรณิกากล่าว
 สำหรับการลงทุนสนับสนุนด้านการเงินจำนวน 48,940 ล้านบาท แก่กลุ่มทรูในครั้งนี้ จะเสริมศักยภาพให้กลุ่มทรูสามารถเดินหน้าให้บริการ 3G ระบบ HSPA อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วประเทศ เป็นการยกระดับพัฒนาไปสู่บรอดแบนด์ไร้สายอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย
 นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มทรู บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรูขอขอบคุณกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทั้งธนาคารไทย พาณิชย์ และธนาคารกรุงไทย รวมทั้งผู้ให้เงินกู้ร่วม คือธนาคารยูโอบี และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ที่ให้ความวางใจสนับสนุนทางการเงินกับกลุ่มทรู รวมทั้งเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของเอกชนไทย ตลอดจนพร้อมร่วมผลักดันธุรกิจโทรคมนาคมไทยให้ก้าวทันโลก
 สำหรับวงเงินกู้จำนวน 48,940 ล้านบาท เป็นสินเชื่อระยะยาวอายุไม่เกิน 10 ปี และเป็นสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบางส่วนจะนำไปชำระคืนหนี้สินเดิม ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นโอกาสสำคัญในการขยายการลงทุนธุรกิจสื่อสารไร้สายของกลุ่ม เพิ่มศักยภาพโครงข่ายและขีดความสามารถการเข้าถึงให้ครอบคลุมเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สร้างประโยชน์สูงสุดให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงความรู้ข้อมูล ข่าวสาร ได้ทัดเทียมกัน
 อย่างไรก็ดี หลังจากที่วุฒิสภาเลือกคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ครบแล้วทั้ง 11 คน ทำให้คาดว่าจะเปิดประมูล 3G บนคลื่นความถี่ใหม่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นธุรกิจมือถือเข้ามาอย่างหนาแน่น โดย 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายมากที่สุด เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา มีบริษัทในกลุ่มสื่อสารติดเข้ามาถึง 2 บริษัท บมจ.ทรู และ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
 ทั้งนี้ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าที่ กสทช. ยืนยันว่าภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คือ ภารกิจตามกฎหมาย การกำหนดแผนแม่บท รวมถึงความชัดเจนในการทำหน้าที่ของกรรมการทั้ง 11 คน และเรื่องการประมูลระบบ 3G ซึ่งเป็นที่คาดหวังของประชาชน.





ที่มา : ไทยโพสต์
Link : http://www.thaipost.net/news/070911/44603

ไทยพาณิชย์ มอบวุฒิบัตรโครงการ “เสริมศักยภาพนักธุรกิจมือโปร”

วันที่ 05 กันยายน พ.ศ. 2554






นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมมอบวุฒิบัตรและแสดงความยินดีแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จำนวนกว่า 70 ราย ที่สำเร็จหลักสูตรการอบรมในโครงการ “เสริมศักยภาพนักธุรกิจมือโปร” หรือ (SCB SME Intelligent Entrepreneur Program: IEP) รุ่นที่ 3 ที่ธนาคารร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นเพื่อเพิ่มพูนทักษะและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้บริหารงานได้อย่างมืออาชีพ เมื่อเร็วๆนี้ ณ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆนี้

ไทยพาณิชย์ จับมือ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ปล่อยกู้ดอกเบี้ยพิเศษทุกโครงการ

วันศุกร์ที่ 02 กันยายน 2011




alt


นางพิกุล ศรีมหันต์  ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ น.พ.สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน)  ร่วมกันจัดแคมเปญใหญ่        I SMART โปรโมชั่นเอาใจผู้ที่ต้องการจองซื้อบ้านในทุกๆ โครงการของเอ็น.ซี.กรุ๊ป ด้วยแคมเปญพิเศษ              “ 0% 3 ปี ฟรีค่าจดจำนอง” สำหรับผู้ใช้บริการสินเชื่อบ้านกับไทยพาณิชย์ที่ผ่อนชำระครบตามอายุสัญญา  รับอัตราดอกเบี้ย 0% ในช่วง 3 ปีสุดท้าย  ฟรีค่าจดจำนอง 1% เมื่อเลือกใช้อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว (MRR) พร้อมบริการประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินกู้ (Credit Life) ตามเงื่อนไขธนาคาร ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ก.ย. 54


ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
Link : http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=81966:2011-09-02-05-17-31&catid=171:pr&Itemid=512

SCB ขึ้นดอกเบี้ยฝากประจำ 0.15-0.30%, เงินกู้ 0.12-0.20% มีผลพรุ่งนี้

อังคารที่ 30 สิงหาคม 2554 


นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำและตั๋วแลกเงิน 0.15%-0.30% ต่อปี ตามวงเงินและระยะเวลาการฝาก และปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 0.12%-0.20% ต่อปี  มีผลตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2554

จากการปรับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน ปรับขึ้นเป็น 1.90%-2.20% ต่อปี เงินฝากประจำ 6 เดือนเป็น 2.35%-2.50% ต่อปี เงินฝากประจำ 12 เดือน ปรับขึ้นเป็น 2.75%-3.0% ต่อปี เงินฝากประจำระยะยาว 24 เดือนปรับขึ้นเป็น 3.15%-3.25% ต่อปี และ 36 เดือน ปรับขึ้นเป็น 3.30%-3.50% ต่อปี
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ปรับเป็น 7.25% ต่อปี อัตราดอกเบี้ย MOR เป็น 7.55% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย MRR เป็น 8.10% ต่อปี
"ขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมยังคงมีแรงขับเคลื่อนอย่างชัดเจน แต่ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ธนาคารจึงพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยทุกประเภทตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อ" นางกรรณิกา กล่าว


ที่มา : http://www.ryt9.com/s/iq05/1224954

ไทยพาณิชย์จับมือศูนย์การค้า เซ็นทรัล ลาดพร้าว จัดเต็มโปรโมชั่นเอ็กซ์คลูซีพ ฉลองเปิดโฉมใหม่ กระตุ้นเม็ดเงินไหลสู่ภาคธุรกิจไทย

23 สิงหาคม 2554



    ธนาคารไทยพาณิชย์กระตุ้นเม็ดเงินไหลสู่ภาคธุรกิจไทย สนับสนุนเครือเซ็นทรัลในการฉลองเปิดตัว “ศูนย์การค้า เซ็นทรัล ลาดพร้าว” รูปโฉมใหม่ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ด้วยการอัดฉีดโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ต่อเนื่องตลอด 3 เดือน (ส.ค. - ต.ค. 54) เอาใจสมาชิกบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ทุกประเภท ทั้งช้อปฟรี รับส่วนลด รับเงินคืน และคะแนนสะสม พร้อมสิทธิ์ ชิงโชครางวัลรถยนต์มินิคูเปอร์ รุ่นคันทรี่แมน มูลค่า 3.35 ล้านบาท การันตีเป็นบัตรเครดิตเดียวที่ให้สิทธิพิเศษสูงสุดในการฉลองเปิดศูนย์การค้าครั้งยิ่งใหญ่นี้ 

 110823-central.jpg

              นางสาวอารยา ภู่พานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในโอกาสที่จะเปิดตัว “ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว” โฉมใหม่ในวันที่ 28 ส.ค.นี้  ธนาคารได้ร่วมมือกับเครือเซ็นทรัล ซึ่งนับเป็นพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจร่วมกับธนาคารมาอย่างยาวนาน จัดโปรโมชั่นเต็มพิกัดเพื่อต้อนรับลูกค้าคืนสู่แหล่งช้อปปิ้งทำเลทองอีกครั้ง โดยได้รับความไว้วางใจจากเครือเซ็นทรัลให้บัตรเครดิตไทยพาณิชย์เป็นเพียงบัตรเดียวที่มอบสิทธิพิเศษสูงสุดสำหรับสมาชิกที่มา   ช้อปปิ้ง ทั้งในส่วนของร้านค้าเช่าพื้นที่และห้างสรรพสินค้าตลอด 3 เดือนแรกของการเปิดศูนย์การค้าฯ นับเป็นการตอบแทนสมาชิกผู้ถือบัตรเครดิตทุกประเภทของธนาคารไทยพาณิชย์  ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 1.8 ล้านใบ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มค่าสูงสุดในการใช้จ่ายผ่านบัตร  รวมทั้งช่วยกระตุ้นเม็ดเงินให้ไหลเข้าสู่ภาคธุรกิจไทยได้เป็นอย่างดี 


               โปรโมชั่น “ช้อปก่อนใคร...กับบัตรเครดิตไทยพาณิชย์”  ที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ที่ช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า (Department Store) ในวันที่ 28  ส.ค. 54  คือ ส่วนลด 10-30% จากเคาน์เตอร์ปกติ พร้อมทั้ง ลูกค้า 200 รายแรกที่ไปช้อปปิ้งในวันแรกของการเปิดห้างฯ จะได้รับสิทธิ์ช้อปปิ้งฟรีมูลค่า 1,000 บาทต่อราย และระหว่างวันที่ 28-30 ส.ค. 54 สามารถรวมใบเสร็จที่ช้อปปิ้งนำมาแลกรับคูปองเงินสดสูงสุดถึง 5,000 บาท


               และสำหรับลูกค้าที่ช้อปปิ้งในร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่ให้เช่า (Plaza) จะได้รับส่วนลดพิเศษจากร้านค้าที่ร่วมรายการ และรับเงินคืน 5% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ทุกประเภทครบทุก 4,000 บาทต่อเซลล์สลิป (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) ในระหว่างวันที่ 28 - 30 ส.ค. 54  และรับคะแนน SCB Rewards เพิ่มพิเศษ 1,000 คะแนน  เมื่อใช้จ่ายครบ 5,000 บาท ขึ้นไป ในระหว่างวันที่ 31 ส.ค. - 30 ก.ย. 54  นอกจากนี้ยังเตรียมไฮไลท์พิเศษสุด โดยเมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรครบทุก 1,000 บาทในระหว่างวันที่ 28 ส.ค. - 30 ต.ค. 54 นี้ จะได้รับทันที 3 สิทธิ์ในการร่วมลุ้น Lucky Draw “รถยนต์มินิคูเปอร์ รุ่นคันทรี่แมน

วิเคราะห์ข่าว
เป็นที่น่าสนใจมากสำหรับการเปิดตัวของธนาคารไทยพาณิชย์โดยมีการกระตุ้นเม็ดเงินไหลสู่ภาคธุรกิจไทย สนับสนุนเครือเซ็นทรัลในการฉลองเปิดตัว “ศูนย์การค้า เซ็นทรัล ลาดพร้าว” รูปโฉมใหม่ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ด้วยการอัดฉีดโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ต่อเนื่องตลอด 3 เดือน (ส.ค. - ต.ค. 54) เอาใจสมาชิกบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ทุกประเภท ทั้งช้อปฟรี รับส่วนลด รับเงินคืน และคะแนนสะสม พร้อมสิทธิ์ ชิงโชครางวัลรถยนต์มินิคูเปอร์ รุ่นคันทรี่แมน มูลค่า 3.35 ล้านบาท การันตีเป็นบัตรเครดิตเดียวที่ให้สิทธิพิเศษสูงสุดในการฉลองเปิดศูนย์การค้าครั้งยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งเป็นการโปรโมทให้แก่ทางห้างด้วย

http://www.scb.co.th/th/news/2011-08-23/pro-110823-central
ที่มา : 

ไทยพาณิชย์จัดโปรโมชั่น “สุดแฮปปี้” ให้ลูกค้า ในงานอภิมหกรรมบ้าน- คอนโด ฯ และสินเชื่อแห่งปี

วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554



ธนาคารไทยพาณิชย์เตรียมโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านร่วมในงาน “อภิมหกรรมบ้าน- คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี”  ครอบคลุมทุกความต้องการของคนอยากมีบ้าน  ภายใต้คอนเซป “สุดแฮปปี้ กับสินเชื่อบ้านไทยพาณิชย์”  ทั้งอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สูงสุดถึง 9 เดือน ในปีแรก หรือ 0% ในช่วง 3 ปีสุดท้าย พร้อมฟรีค่าจดจำนอง หรือ ดอกเบี้ยลอยตัว “ยิ่งอยู่นานยิ่งลด”  เตรียมพบกันที่บูธไทยพาณิชย์ ทั้งโซน C พลาซ่า และเพลนารี ฮอลล์ ตั้งแต่วันที่ 25-28 สิงหาคม 2554 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์



ทั้งนี้งานอภิมหกรรมบ้านและคอนโด ฯ และสินเชื่อแห่งปีจัดโดยสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และบริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด ซึ่งเป็นการรวมเอางาน NPA Grand Sale 2011 , Home Loan 2011 และ Home Buyers’Expo 2011 ไว้อย่างครบวงจรภายในงานเดียว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1314076926&grpid=&catid=00&subcatid=0000
Link : 

ไทยพาณิชย์แข็งแกร่ง ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 1 บาท

วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2011


 

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB)ประกาศจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 1 บาท ซึ่งการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความสามารถในการทำกำไรของธนาคารในปี 2554 รวมถึงฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลว่า   “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ธนาคารไทยพาณิชย์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจของธนาคาร การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และระดับเงินกองทุนที่มั่นคงของธนาคาร” 
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ ครั้งที่ 12/2554 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 คณะกรรมการธนาคารได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 1 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 3,399 ล้านบาท โดยธนาคารจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 6 กันยายน 2554 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 7 กันยายน 2554 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 16 กันยายน 2554
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า “ธนาคารมีความตั้งใจที่จะรักษาผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ด้วยความมุ่งมั่นในวิสัยทัศน์ของธนาคารที่จะเป็นธนาคารที่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน และสังคมเลือก”

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

SCB ปันผลระหว่างกาลอัตรา 1.00 บ./หุ้น จ่าย 16 ก.ย.

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2011


นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ครั้งที่ 12/2554 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2554 ให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ และผู้ถือหุ้นสามัญ จำนวนรวมทั้งสิ้น 3,399,192,198 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 3,399 ล้านบาท ซึ่งผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาจะสามารถขอเครดิตภาษีเงินปันผลในส่วนที่ธนาคารมีการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ โดยจะขอเครดิตภาษีได้ในอัตราเท่ากับ 3/7 ของจำนวนเงินปันผล
        
 ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของธนาคารตามที่มีปรากฏรายชื่อ ณ วันที่ธนาคารกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 6 กันยายน 2554 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น ในวันที่ 7 กันยายน 2554 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD)  วันที่ 2 กันยายน 2554 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลวันที่ 16 กันยายน 2554





ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
Link : http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=80558:scb--100---16-&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524